Archive

Posts Tagged ‘learning thai’

Kids These Days

November 20, 2009 Leave a comment

Nickname – Transcript + Breakdown

October 21, 2009 1 comment

ฉายา ก็คือเป็นลักษณะของคำ ที่เหมือนเป็นชื่ออีกชื่อหนึ่งที่ใช้เรียกคน อย่างเช่น สมมติว่า บู๋นะเป็นคนตลก หัวเราะง่าย อย่างปกติเดินเข้าคณะ เดินเข้าไปในห้องแลปปุ๊บ!ก็หัวเราะโดยที่ไม่มีสาเหตุ เสร็จแล้ว ก็เป็นอย่างงี้ทุกวัน ทุกวัน จนพี่ที่ห้องแลปเค้าก็เลยบอกว่า เออ!เนี่ยบู๋นะต้องกินกัญชาอะไรมาแน่เลย ทำไมมันหัวเราะทุกวันเลย แล้วพอมาวันนี้ พอบู๋จะเดินออกจากห้องแลป บู๋ก็บอกว่า “ไปแล้วนะค่ะพี่ๆ บ๊ายบาย ” อย่างเงี่ย พี่คนหนึ่งก็พูดขึ้นมา “จะกลับแล้วเหรอบู๋เชิญยิ้ม”อย่างเงี่ย คือเหมือนเป็นฉายาหนึ่งที่ตั้งแบบลักษณะของคน ที่เด่นๆของคนคนนี้ว่าเค้ามีลักษณะแบบไหน แล้วก็ให้ชื่อคนนั้นไป อันนี้คือคำว่าฉายา ของบู๋ก็มีฉายาว่าบู๋เชิญยิ้ม ซึ่งตอนแรกมีมาตั้งแต่สมัยเรียนป.ตรีแล้ว มีเพื่อนเคยเรียก แต่ไม่มีใครเรียกมานานแล้ว เพราะจบไปแล้วไง อืม…แล้วพอมาเรียนป.โท ไม่คิดว่าจะมีคนเรียก ตกใจเลยนะ หันไป ทำไมเค้าถึงเรียกอย่างเงี่ย แล้วเค้าก็บอกว่า ก็บู๋หัวเราะได้ทุกวัน จบ

ฉายา nickname

ก็คือ well, it’s..

เป็นลักษณะของคำ it’s a ลักษณะ of a word

ที่เหมือนเป็น thats the same as

ชื่ออีกชื่อหนึ่ง another name

ที่ใช้เรียกคน that’s used to call someone

อย่างเช่น For example…

สมมติว่า let’s assume that..

บู๋นะเป็นคนตลก I’m kinda funny

หัวเราะง่าย and I laugh easily

อย่างปกติ as usual

เดินเข้าคณะ I’m going into my faculty

เดินเข้าไป I walk into ..

ในห้องแลป the lab and

ปุ๊บ! ก็หัวเราะ bam (suddenly), I start laughing

โดยที่ไม่มีสาเหตุ without really having a reason…

ก็เป็นอย่างงี้ทุกวัน and so it goes like this every day

ทุกวัน every day

จน until

พี่ที่ห้องแลป a พี่ from my lab..

เค้าก็เลยบอกว่า He goes and says….

เออ!เนี่ยบู๋นะต้องกินกัญชาอะไรมาแน่เลย Jeez Boo, you must be smoking something..

ทำไมมันหัวเราะทุกวันเลย why are you always laughing?

แล้วพอมาวันนี้ and then this one day comes…

พอบู๋จะเดินออกจากห้องแลป and as soon as I’m walking out of the lab…

บู๋ก็บอกว่า I say…

“ไปแล้วนะค่ะพี่ๆ บ๊ายบาย ”  I’m heading out.  Cya.

อย่างเงี่ย like this

พี่คนหนึ่งก็พูดขึ้นมา and my พี่ yells out…

“จะกลับแล้วเหรอบู๋เชิญยิ้ม” Leaving already บู๋เชิญยิ้ม ? (<—ฉายา)

อย่างเงี่ย like that

คือเหมือนเป็นฉายาหนึ่ง  its like a nickname

ที่ตั้งแบบลักษณะของคน that is based on the characteristics (personality and/or physical)

ที่เด่นๆของคน that stand out

คนนี้ว่า and as for me (this person..)

เค้ามีลักษณะแบบไหน what am I like?

แล้วก็ให้ชื่อคนนั้นไป well, I was given that name

อันนี้คือคำว่าฉายา this is ฉายา

ของบู๋ก็มีฉายาว่าบู๋เชิญยิ้ม and my ฉายา is บู๋เชิญยิ้ม

ซึ่งตอนแรกมีมาตั้งแต่สมัยเรียนป.ตรีแล้ว which started up while I was in college..

มีเพื่อนเคยเรียก some friends used to call me that

แต่ไม่มีใครเรียกมานานแล้ว but nobody has used it in a while

เพราะจบไปแล้วไง ’cause I’ve already graduated…

อืม…  yea…

แล้วพอมาเรียนป.โท and then I started studying for my masters..

ไม่คิดว่าจะมีคนเรียก and I didn’t think anybody would call me that (anymore)

ตกใจเลยนะ its kinda surprising

หันไป looking back

ทำไมเค้าถึงเรียกอย่างเงี่ย why did they call me that?

แล้วเค้าก็บอกว่า Well, I’d say it’s because

ก็บู๋หัวเราะได้ทุกวัน I laugh every day.

จบ That’s it.

Getting in the Wrong Car – Transcript w/Breakdown

October 20, 2009 2 comments

ก็มีวันหนึ่งไปทำแล็ปใหม่ๆ ตอนนั้นยังแบบ เพิ่งรู้จักกับพวกพี่ๆเค้า  แล้วพี่เค้าก็ชวน ไม่พี่หรอก บู๋นี่แหละชวนไปกิน ไปหาอะไรกินกันไหม  พี่คนหนึ่งก็เลยบอกว่า  เอ่อ! ไปสิ ไปสิ แล้วเสร็จแล้ว ก็มันอยู่กันหลายคน ประมาณ 5 6 7 คนก็เลยรับอาสากันว่า บู๋กับพี่พัฒน์ 2 คนจะไปซื้ออะไรมากินกัน โดยที่ตอนแรกจะเอา กะจะเอามอเตอร์ไซต์ไป เสร็จแล้วปุ๊บ!ด้วยความที่คนสั่งเยอะ เยอะมาก ก็เลยเอ๊ะ!เปลี่ยนใจ เอารถยนต์ไปดีกว่า พี่พัฒน์ก็เลยบอก “รถพี่จอดหน้าคณะ เอารถยนต์พี่ไป” บู๋ไม่เคยขึนรถยนต์พี่พัฒน์มาก่อน บู๋ไม่รู้จักรถยนต์พี่พัฒน์ แต่ว่าตอนไปนะ มันจำไม่ยากไง เพราะว่ามันอยู่หน้าคณะอ่ะ ก็นั่งปุ๊บ เสร็จแล้วพอขึ้นก็เมาท์……………………………..คุยทุกเรื่องสรรพสิ่ง พี่พัฒน์ก็ถามนั้น บู๋ก็สัมภาษณ์นี่อะไรอย่างงี้ คุยกันไป ซื้อของเกือบจะหมดล่ะ เหลืออีกชิ้นหนึ่งคือร้าน นม บู๋อยากกิน บู๋ก็เลยบอก พี่พัฒน์ พี่พัฒน์จอดร้านมนต์หน่อย แต่ด้วยความเป็นถนนนิมมานท์นะ คือรถมันเยอะมันก้เลยต้องมีแบบ การขยับเขยือนรถ บู๋ก็เดินเข้าไปในร้านมนต์ เสร็จแล้วบู๋ก็เห็นแล้ว อ๊อ!รถพี่พัฒน์จอดตรงนี้ ก็มองไว้แค่นี้แหละ ก็เห็นว่าเป็นสีบอนด์บอนด์แบบ เค้าเรียกว่า(นึก) สีควันบุหรี่นะ อืม บู๋เข้าไปซื้อ แล้วก็ไม่ได้มองหันมาอีก หันมาอีกรอบหนึ่งก็ยังมีสีเดิม จอดที่เดิม บู๋ก็เลยเดินออกไป เสร็จแล้วเปิดประตูรถปุ๊บ! ก็ไม่ได้มองหน้าคน แต่เห็นว่า เออ!มีของวางอยู่ ก็ คิดในใจอยู่นะเมื่อกี้มันไม่มีของวางแต่ก็แบบ อืม พี่พัฒน์คงพึ่งเอามาวางมั้ง แล้วกำลังจะหยิบของเค้า ผู้ชายคนนั้นก็(ในรถ) เออ เปิดแล้ว และก็จะหยิบของเค้า เค้าคงตกใจ เค้าคงคิดว่าบู๋จะมาแบบ เป็นขโมย เป็นอะไรอย่างงี้ เค้าก็เลยตะโกนมาแบบตกใจมากง่ะ เฮ้ย!!!!! (ปรบมือ อันนี้แสดงอาการชอบใจของบู๋เอง) 555+++ แค่เฮ้ย!เท่านั้นแหละ บู๋หันไปผับ แล้วบู๋ก็ทำหน้าเฉยๆ “ขอโทษค่ะ”แล้วก็ปิดประตู แล้วก็เดินออกมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในใจแบบ โครตอายเลยง่ะ ไม่ ไม่เคยนะ ไม่เคยโดนอย่างเงี่ยอายมาก แล้วจากนั้นก็ไปบอกพี่พัฒน์ พี่พัฒน์ๆบู๋นั่งรถผิด แล้วพี่เค้าก็ถามว่าแล้วรถเค้าอะไร “Accord แต่ของพี่พัฒน์นะToyota ธรรมดา” กล้าเลือกที่จะนั่งด้วย โอเค

ก็มีวันหนึ่ง So there was this one day

ไปทำแล็ปใหม่ๆ where I went to work on this new lab (project)

ตอนนั้นยังแบบ back then ..it was like…

เพิ่งรู้จักกับพวกพี่ๆเค้า I just met everybody

แล้วพี่เค้าก็ชวน and one of them invited me..

ไม่พี่หรอก no wait..it wasn’t him/her

บู๋นี่แหละชวนไปกิน I was invited them to go eat..

ไปหาอะไรกินกันไหม to get something to eat together

พี่คนหนึ่งก็เลยบอกว่า and this one person said

เอ่อ! sure!

ไปสิ ไปสิ Let’s go!

แล้วเสร็จแล้ว so after we finished

ก็มันอยู่กันหลายคน there was a bunch of us

ประมาณ 5 6 7 คน maybe 5, 6 or 7 people

ก็เลยรับอาสากันว่า So um I volunteered to..

บู๋กับพี่พัฒน์ 2 คน Me and Pat

จะไปซื้ออะไรมากินกัน to go buy food for everybody

โดยที่ตอนแรกจะเอา at first we were gonna …

กะจะเอามอเตอร์ไซต์ไป go by motorbike

เสร็จแล้วปุ๊บ! and as soon as we finished (got all the food)

ด้วยความที่คนสั่งเยอะ because there was so much ..

เยอะมาก a lot

ก็เลยเอ๊ะ! jeez

เปลี่ยนใจ we changed our minds

เอารถยนต์ไปดีกว่า and decided to take a car instead

พี่พัฒน์ก็เลยบอก and Pat said…

“รถพี่จอดหน้าคณะ เอารถยนต์พี่ไป” “My car is parked out front.  Let’s take it.”

บู๋ไม่เคยขึนรถยนต์พี่พัฒน์มาก่อน I’ve never been in Pat’s car before.

บู๋ไม่รู้จักรถยนต์พี่พัฒน์ and I don’t know which car is his.

แต่ว่าตอนไปนะ but when I was going

มันจำไม่ยากไง it wasn’t hard to remember

เพราะว่ามันอยู่หน้าคณะอ่ะ because it was parked right in front of our faculty

ก็นั่งปุ๊บ

เสร็จแล้วพอขึ้นก็เมาท์…………

…………………..คุยทุกเรื่องสรรพสิ่ง

พี่พัฒน์ก็ถามนั้น Pat was asking me about stuff

บู๋ก็สัมภาษณ์นี่อะไรอย่างงี้ and I was asking him stuff like this

คุยกันไป just talking

ซื้อของเกือบจะหมดล่ะ so we were almost finished buying everything

เหลืออีกชิ้นหนึ่งคือร้าน นม we just had to get stuff from the milk store (nom shop? or whatever works for ya)

บู๋อยากกิน cause I wanted to get some stuff

บู๋ก็เลยบอก so I told

พี่พัฒน์ พี่พัฒน์จอดร้านมนต์หน่อย Pat to stop in front of the milk shop for a minute

แต่ด้วยความเป็นถนนนิมมานท์นะ but since it was on Niman (road name in CM)

คือรถมันเยอะมัน there was lots of traffic

ก้เลยต้องมีแบบ so it was like..

การขยับเขยือนรถ cars moving back and forth (picture Frogger)

บู๋ก็เดินเข้าไปในร้านมนต์ So I went in the Mon (name) shop.

เสร็จแล้วบู๋ก็เห็นแล้ว so I finished and I saw…

อ๊อ!รถพี่พัฒน์จอดตรงนี้ Pat’s car parked right there…

ก็มองไว้แค่นี้แหละ so I just took note of it..

ก็เห็นว่าเป็นสีบอนด์บอนด์แบบ So I saw that it was Bond color(?) (James Bond?)

เค้าเรียกว่า I call it…

(นึก) ::thinking::

สีควันบุหรี่นะ

อืม yea

บู๋เข้าไปซื้อ so I went in to buy the stuff

แล้วก็ไม่ได้มองหันมาอีก and I didn’t look back at all

หันมาอีกรอบหนึ่งก็ยังมีสีเดิม

จอดที่เดิม parked in the same spot

บู๋ก็เลยเดินออกไป so I came out (of the shop)

เสร็จแล้วเปิดประตูรถปุ๊บ! and I opened the door to the car and

ก็ไม่ได้มองหน้าคน I didn’t look at the driver

แต่เห็นว่า เออ! but I noticed that

มีของวางอยู่ there was stuff in the (back of the) car

ก็ คิดในใจอยู่นะเมื่อกี้ and I started thinking that a minute ago..

มันไม่มีของวาง there wasn’t anything there

แต่ก็แบบ อืม so um well

พี่พัฒน์คงพึ่งเอามาวางมั้ง Pat probably just put it here a second ago

แล้วกำลังจะหยิบของเค้า and so I was about to grab my stuff

ผู้ชายคนนั้นก็(ในรถ) and so the guy (in the car)

เออ เปิดแล้ว opened the door

และก็จะหยิบของเค้า to grab his stuff

เค้าคงตกใจ he was probably surprised

เค้าคงคิดว่าบู๋จะมาแบบ he must have thought that..

เป็นขโมย I was a thief

เป็นอะไรอย่างงี้ or something like this

เค้าก็เลยตะโกนมา he shouted

แบบตกใจมากง่ะ (so loud) that it was crazy

เฮ้ย!!!!! Hey!!!!

555+++ แค่เฮ้ย!  Hahaha, just ‘hey!’

เท่านั้นแหละ that was it

บู๋หันไปผับ so I just left

แล้วบู๋ก็ทำหน้าเฉยๆ and kept a straight face

“ขอโทษค่ะ” said “I’m sorry”

แล้วก็ปิดประตู and closed the door

แล้วก็เดินออกมา and walked out

เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น like nothing happened

แต่ในใจแบบ but inside

โครตอายเลยง่ะ I was kinda freaking out/feeling really embarrased

ไม่ ไม่เคยนะ I have never.

ไม่เคยโดนอย่างเงี่ยอายมาก never felt that embarrased before

แล้วจากนั้นก็ so then/after that

ไปบอกพี่พัฒน์ I went and told Pat

พี่พัฒน์ๆบู๋นั่งรถผิด that I got in the wrong car

แล้วพี่เค้าก็ถามว่า and he asked

แล้วรถเค้าอะไร what (kind) of car it was

“Accord แต่ของพี่พัฒน์นะToyota ธรรมดา” an Accord, but Pat’s car is just a Toyota

Body Relax – Transcript

October 16, 2009 Leave a comment

ก็วันนี้ตอนแรก  ตอนประมาณ 3 โมง ก่อน 4 โมงนะ  เพราะบู๋มีสอน 4 โมง มันจะว่างชั่วโมงหนึ่ง  ก็กะว่าจะไปนวดตัวเพราะรู้สึกเมื่อยอย่างเงี่ย ก็เดินไปแถวซอยที่หอ มันก็จะมีร้านหนึ่งเขียนว่า Body Relax ก็กะว่า เออ! มันต้องมีเป็นนวดตัว เป็น massage เป็นสปา อะไรอย่างเงี่ย ก็เลยเดินเข้าไป แล้วบอกเค้าว่า “พี่ค่ะ นวดตัวเท่าไหร่ค่ะ ชั่วโมงล่ะเท่าไหร่” อะไรอย่างเงี่ย แล้วเสร็จแล้วคนที่รับเค้าก็บอกว่า “เออ!ลูกค้ามา” เค้าก็ไปเรียกอีกคนหนึ่งมา แล้วอีกคนคือเหมือนเป็นเจ้าของ เค้าก็มาแล้วเค้าก็บอกว่า “อ่า…..มี…มีธุระอะไรหรือปล่าวค่ะ” อะไรอย่างงเย เราก็เลยถามว่า “เออ!นวดตัวราคาเท่าไหร่ค่ะต่อชั่วโมง”อะไรอย่างเงี่ย เค้าก็เลยทำท่าแบบว่า อายๆหน่อยแล้วเค้าก็บอกว่า “เออ!รับเฉพาะผู้ชายค่ะ”555++โอโฮ้!เท่านั้นแหละบู๋รู้สึกแบบเพร๊ง…! หน้าแตก แล้วบู๋ก็ไม่เข้าใจนะ ว่าเอ๊ะแล้วทำไมต้องรับแต่ผู้ชาย เพื่อนมันเข้าใจล่ะ มันก็ลาก “แกออกมานี่”แล้วก็เดินกันออกไป”ว่าแล้วว่าเราต้องเดินเข้าผิดแน่ๆเลย” แล้วก็เลยไปหาในเซ็นทรัลอะไรอย่างงเย(ร้าที่อยู่ซอยหอเหรอ)อืม! ที่ซอยที่ตรงข้างๆรร.สอนดนตรีนะ รร.สอนดนตรีสันตินะ มันเขียนติดว่า Body Relax ไง บู๋ก็ใจว่า(ทำท่าทาง) อะไรอย่างเงี่ย คือโง่นะ ก็เดินเข้าไป น่าแตกเลย เสียใจอ๊อ! ถ้าว่างไปดิ 555+ (ไม่ไปดีกว่า) จบแล้ว

เอา – To want/to take – Transcript

September 30, 2009 Leave a comment

Thai basic lesson 1 “  เอา ”

  • เอาโค้กไหม  เอา (อ่ะ) O.K.
  • เอาปากกาไหม  ฮื๊อ….ไม่เอา (ไม่เอา)
  • เอาดินสอไหม  ไม่เอาเหมือนกัน (ไม่เอา ทำไม)
  • เอาทิชชู่ไหม  เอาก็ได้ (Yes)
  • เอาตังค์ไหม  อึ๊ ฮื๊อ เอา   (เอาเท่าไหร่) เอาหมดเลย   (เออ!ไม่ให้ดีกว่า) เอ๊า!

เอา / ไม่เอา

The Moat – Transcript w/ Breakdown

September 30, 2009 5 comments

The moat around Chiang Mai.

(The Moat) แปลว่าคูเมืองเหรอ (อือ) คูเมืองก็เกิดจากที่เมื่อสมัยอดีตก่อนจะสร้างเมืองเชียงใหม่ มันจะเป็นกำแพงเมือง กำแพงเมืองก็จะสร้างเป็นสี่เหลี่ยมเพื่อล้อมรอบเมืองเอาไว้ แต่ว่าปัจจุบันนี้มันก็เลยกลายเป็นสัญลักษณ์หรือเอกลักษณ์ของเชียงใหม่ ก็คือลักษณะมันก็จะเป็นสี่เหลี่ยมงี้(ทำมือประกอบ) มันก็จะมีมุม มุมแต่ละมุม ฮ้า!….พูดดังๆ มุมแต่ละมุมก็จะเรียก แจ่ง แล้วมันก็จะมีชื่อเรียก แจ่งศรีภูมิ แจ่งอันนั้นอันนี้ แต่บู๋จำได้แจ่งเดียวคือแจ่งศรีภูมิ แล้วก็ลักษณะมันก็คือจะเป็นคู เป็นกำแพง แล้วก็รอบๆกำแพงมันก็จะมีน้ำอยู่รอบๆเลย เพื่อที่? เมื่อก่อนเค้าเรียกว่า ยุธศาสตร์ การที่จะสร้างเมืองอยู่ข้างในก็คือมีกำแพง แล้วก็มีแม่น้ำนะ เพื่อจะให้ศัตรูเข้ามาได้ยาก เข้ามาในเมืองได้ยาก แหน่!คือยุทธศาสตร์การป้องกันเมือง มันก็เลยทำให้มีลักษณะที่เป็นแม่น้ำอยู่รอบๆกำแพง แต่ปัจจุบันนี้กำแพงมันก็เป็นแค่ซากปรักหักพังก็คือมันไม่ ไม่เป็นกำแพงล่ะ แต่ก็จะพอดูออกว่ามันเป็นสี่เหลี่ยม แล้วมันก็จะเป็นวงวน คือเป็น เป็นตัวเมือง ตัวเมืองของเชียงใหม่ก็คือบริเวณคูเมืองนี่แหละ (อืม) แหล่งสำคัญต่างๆ วัดวาอารามต่างๆ ก็คือจะอยู่ในเนี่ยเกือบหมดเลย อืมฮือ!แล้วก็คูเมืองมันจะมี อ่า…เค้าเรียกอะไร ? ที่มันมีน้ำรอบๆนะ เวลาช่วงสงกรานต์ซึ่งเป็นวันที่? เทศกาลหนึ่งของประเทศไทย เค้าก็จะมาเล่นน้ำกันที่คูเมือง สนุกมากกก เพราะว่าคนเค้าก็จะมาเล่นกันเต็มเลย เอาน้ำตรงนั้นแหละมาเล่น แต่น้ำมันไม่ค่อยจะสุนทรีย์เท่าไหร่ คือค่อนข้างจะสกปรกอะไรอย่างเงี่ย ต้องมาลองเอง แต่สนุกจริงๆ มีทุกปีเลย ช่วงเทศกาล เมษา เดือนเมษา จบล่ะ

********************************************************************************************************
Breakdown

The Moat

แปลว่าคูเมืองเหรอ – That means “moat” right?

(อือ) – uh-huh

คูเมืองก็ – So the/a moat…

เกิดจาก – was built (came from)

ที่เมื่อสมัยอดีตก่อน – back (in the past) when

จะสร้างเมืองเชียงใหม่ (they) were building the city of Chiang Mai

มันจะเป็นกำแพงเมือง – It is a city wall.

กำแพงเมืองก็ – and city walls/the city wall

จะสร้างเป็นสี่เหลี่ยม was built with 4 walls

เพื่อล้อมรอบเมืองเอาไว้ – in order to surround the city

แต่ว่าปัจจุบันนี้ – but now (presently)

มันก็เลยกลายเป็นสัญลักษณ์ – has become something that symoblizes

หรือเอกลักษณ์ของเชียงใหม่ – or unique that is ‘Chiang Mai’

ก็คือลักษณะมัน – well so its like this..(it has the following characteristics)

ก็จะเป็นสี่เหลี่ยมงี้ – so its 4 sided

(ทำมือประกอบ) – ::indicates/illustrates with hands::

มันก็จะมีมุม – it has corners…

มุมแต่ละมุม and it has these corners…

ฮ้า!…พูดดังๆ hah ..oh speak up?

มุมแต่ละมุมก็จะเรียก so these corners are called ‘แจ่ง’

แล้วมันก็จะมีชื่อเรียก and they each have a name

แจ่งศรีภูมิ (name of แจ่ง)

แจ่งอันนั้นอันนี้ this แจ่ง and that แจ่ง

แต่บู๋จำได้แจ่งเดียว but the only one I remember…

คือแจ่งศรีภูมิ is แจ่งศรีภู (name)

แล้วก็ – and so

ลักษณะมันก็คือจะเป็นคู it is a canal (has the characteristics of a canal)

เป็นกำแพง – with walls

แล้วก็รอบๆกำแพงมันก็จะมีน้ำอยู่รอบๆเลย

เพื่อที่? why/for what purpose?

เมื่อก่อนเค้าเรียกว่า – they used to call it…

ยุธศาสตร์ strategy

การที่จะสร้างเมือง the building of a city

อยู่ข้างในก็คือมีกำแพง – inside of walls

แล้วก็มีแม่น้ำนะ – and there is also water

เพื่อจะให้ศัตรูเข้ามาได้ยาก – to make it difficult for enemies to get in

เข้ามาในเมืองได้ยาก – yea to make it hard for them to get inside

คือยุทธศาสตร์การป้องกันเมือง – so it is a strategy (used) to protect the city

มันก็เลยทำให้มีลักษณะที่เป็นแม่น้ำอยู่ – which made use of water

รอบๆกำแพง – surrounding the walls

แต่ปัจจุบันนี้ – but now (presently/these days)

กำแพง the wall

มันก็เป็นแค่ is just

ซากปรักหักพัง ruins/remnants

ก็คือมันไม่ – well, it isn’t..

ไม่เป็นกำแพงล่ะ it isn’t really a wall

แต่ก็จะพอดูออกว่ามันเป็นสี่เหลี่ยม and it looks like a square

แล้วมันก็จะเป็นวงวน which encircles (encloses)

คือเป็น เป็นตัวเมือง – the city

ตัวเมืองของเชียงใหม่ – the heart of Chiang Mai

ก็คือบริเวณคูเมืองนี่แหละ which is the คูเมือง (lit. canal [of] city – used to refer to the area inside the moat)

(อืม) – ya/uh-huh

แหล่งสำคัญต่างๆ – and is the main source of…

วัดวาอารามต่างๆ – a number of temples

ก็คือจะอยู่ในเนี่ยเกือบหมดเลย – well, most of them are in this area

อืมฮือ! – oh yea!

แล้วก็คูเมืองมันจะมี – the moat also has…

อ่า…เค้าเรียกอะไร ? – uh..what’s it called?

ที่มันมีน้ำรอบๆนะ – the thing that is surrounded by water…

เวลาช่วงสงกรานต์ซึ่งเป็นวันที่? – during the Songkran festival…

เทศกาลหนึ่งของประเทศไทย which is a festival in Thailand

เค้าก็จะมาเล่นน้ำกันที่คูเมือง – everybody (they) come to play at the moat

สนุกมากกก – It is soooo fun!

เพราะว่าคนเค้า – because everybody..

ก็จะมาเล่นกันเต็มเลย comes out to play

เอาน้ำตรงนั้นแหละมาเล่น – and it’s that (the moat’s) water that they use

แต่น้ำมันไม่ค่อยจะสุนทรีย์เท่าไหร่ but the water isn’t all that attractive (aesthetic)

คือค่อนข้างจะสกปรกอะไรอย่างเงี่ย – it is actually pretty dirty

ต้องมาลองเอง – You need to see it for yourself.

แต่สนุกจริงๆ – But it is really fun.

มีทุกปีเลย – They have it every year.

ช่วงเทศกาล เมษา เดือนเมษา During the break in April.

จบล่ะ – That’s it.

How do you know each other? – Transcript

September 25, 2009 Leave a comment

(บู๋กับตี๋  แล้วรู้จักกันได้อย่างไง) (รู้จักกันจาก) เดินเจอกันที่คณะ (คณะอะไร) เออ! ที่คณะเภสัช แล้วก็ยิ้ม ยิ้มให้กัน เสร็จแล้วปุ๊บ ! ก็ทักทาย อย่างงี้ (แล้วกี่ปีล่ะ) ฮ้า? (รู้จักกันกี่ปีล่ะ) 2-3 ปีแล้วน๊อ? ( 3 ปีตั้งแต่บู๋เรียนจบ) เออ! 3 ปีได้ (3 ปีได้) ก่อนจบตอนปี 5 (แล้วตี๋ บู๋เป็นคนแบบไหน) (บู๋เป็นคนอัธยาศัยดี อัลเลิ๊ดอ่ะ ประมาณว่าตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ถ้าอยู่กับเค้า ถ้าอยู่กับเค้า) hyperactivities ดิพี่ตี๋ ( ถ้าง่วงๆอยู่เงี่ย ก็จะคุยกับเค้า สักพักหนึ่งก็จะตื่นได้) 5555++ ขำบู๋ล่ะซิ (โอเค)(แล้วบู๋ ถามเหมือนกัน แล้วตี๋ล่ะ) พี่ตี๋เป็นคนน่ารัก อัธยาศัยดี คุยด้วยสนุก ไม่เครียด 55++ (เหรอ ใคร ใครเรียนเก่งกว่ากัน) ไม่ได้เรียนรุ่นเดียวกัน (ไม่เรียนด้วยกัน) (เออ!ใช่เน้อ) ไม่ได้เรียนเหมือนกัน บอกไม่ได้ (แต่บู๋เค้าจะสมอง สมองดีกว่าเยอะ) (ยกมือไหว้) 55++(รู้ตัวครับไม่เก่ง

Fight with Friend – Transcript

September 22, 2009 3 comments

ก็มีตอนประมาณป.5 ครั้งนั้น(น่า)จะเป็นคาบวิชาส.ป.ช. พ่อบู๋เป็นคนสอนเอง และพ่อบู๋ก็เป็นครูประจำชั้น แต่วันนั้นพ่อไม่ว่าง พ่อก็เลยบอกว่าให้อ่านหนังสือกันเพราะว่าใกล้สอบแล้ว บู๋ก็เลยนั่งอ่าน จับกลุ่มกับเพื่อน 3 คน ก็เป็นเพื่อนผู้หญิงหมด เพื่อน 2 คนเป็นคนตอบแล้วบู๋เป็นคนทาย บู๋ก็จะถามแบบ สมมติว่าอ่า……สมัยกรุงสุโขทัยอะไรๆ อย่างงี้ แล้วเสร็จแล้วเพื่อนก็ต้องตอบ ถูกไหม แล้วจะมีเพื่อนผู้ชายคนหนึ่ง มันจะแกล้งบู๋ทุกวัน ทุกวันจริงๆ แล้วมันก็ไม่เคยเข็ดหลาบ วันนั้นมันก็ยืนอยู่ข้างหลังบู๋แล้วก็คอยบอกใบ้ให้เพื่อน ว่าตอบ ก. ข. ค. ง. อะไรอย่างเงี่ย บู๋ก็สงสัยว่า เอ๊ะ!ทำไมเพื่อนตอบถูกหมดเลย บู๋ก็เลยหันไป อ๋อ!ไอ้นี่บอก บู๋ก็เลยหันไปบอกว่า เตือนครั้งที่ 1 อย่างงี้ แล้วเสร็จแล้วบู๋ก็ทายเพื่อนต่อ แล้วไอ้นี่ก็แอบบอกอีก บู๋ก็บอกเตือนครั้งที่ 2 จะไม่มีครั้งที่ 3 นะโดนแน่ แล้วเสร็จแล้วมันก็ทำอีก บู๋ก็เลยครั้งที่ 3 หันไป ไม่พูดสักคำ ต่อยท้อง ต่อย บู๋จำไม่ได้ว่าต่อยหรือบู๋แทงเข่า แต่บู๋จำได้ว่ามันทรุดลงไปแล้วก็นิ่ง คือมันร้องไห้ แต่มันร้องไห้ไม่ออก เสียงมันไม่ออกไง คือมันจุกเหมือนจะตายนะ แล้วบู๋ก็แบบไม่สนใจ สักพักหนึ่งบู๋ก็เอ๊ะ!ทำไมเสียงมันเงียบไปนาน บู๋ก็เลยก้มลงไป คือมันเหมือนแบบ เหมือนคนนิ่งอย่างเงี่ย คือแล้วมันพูดไม่ได้นะ จุกมาก บู๋ก็เลยลุกขึ้นไปแล้วก็อุ้มขึ้น เป็นผู้ชายนะแต่บู๋เป็นผู้หญิง บู๋ก็อุ้มแล้วก็เขย่าตัว พอมันมีเสียงบู๋ก็ปล่อยมันทิ้งไว้อย่างงั้นแหละ แล้วสักพักหนึ่งมันก็ร้องไห้ๆ ไป แล้วพ่อบู๋ก็เดินเข้าในห้อง แล้วก็สั่งงานให้ทำอะไรอย่างเงี่ย แล้วพ่อก็แบบได้ยินเสียงคนร้องไห้ไง พ่อก็ถามว่าใครร้องไห้เงี่ย เค้าก็มองไป ด.ช.ณัชชัย เป็นอะไร ทำไมร้องไห้ ก็ไม่มีใครกล้าตอบสักคนเลยนะ เพราะเพื่อนกลัวบู๋ไง เพื่อนก็ไม่กล้าตอบ แต่มีอยู่คนหนึ่ง ลุกขึ้นมา “ไอ่บู๋ต่อยมันครับ” แล้วเสร็จแล้ว พ่อบู๋ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไง พ่อบู๋ก็หันมากำลังจะว่าบู๋ บู๋ก็ลุกขึ้นมาแล้วบอกว่าเพราะอะไรทำไมบู๋ถึงต่อยเค้า แต่ตอนนั้นบู๋พูดไป ร้องไห้ไปไง เพราะบู๋โกรธที่แบบพ่อกำลังจะว่าบู๋เงี่ย คือบู๋นะไม่ยอม เพราะบู๋ไม่ผิดเงี่ยบู๋ก็เถียงๆๆๆ สุดท้ายพ่อก็เลยบอกว่างั้นก็อยู๋กันเงียบๆแล้วกัน อย่าทะเลาะกันแล้วพ่อก็เดินออกไปนอกห้อง แล้วสรุปเพื่อนคนนั้นมันก็ไม่กล้าแกล้งบู๋อีกเลยนะ(ช่วงนั้น) แต่มันก็ยังไม่เข็ดนะ หลังๆมามันก็แกล้งอีกเหมือนเดิม มันเจอบู๋ถีบไปหลายทีล่ะ (แล้วช่วงนี้ต่อยบ้างไหม) ช่วงนี้เหรอ วันนั้นจะต่อยแล้ว (ใครล่ะ) พนักงานขายร้านซุปเปอร์มาเก็ตแห่งหนึ่ง(เออ!อีกเรื่องหนึ่งเน้อะ) ได้ ได้

What’d you do today? – Transcript w/Breakdown

September 18, 2009 Leave a comment

วันนี้ไปไหนมา  ไปช๊อปปิ้งมา

ไปช๊อปปิ้งที่ไหน  ที่เซนทรัล

ไปกับใคร  ไปกับเพื่อน

ซื้ออะไรมา  ไม่ได้ซื้ออะไร (ไม่ได้ซื้ออะไร)

ดูเฉยๆ   ใช่ แบบว่าไม่ถูกใจ

แล้ว เออ!กลับกี่โมง กลับ น่าจะประมาณ 5 โมง (เหรอ ประมาณ 5 โมง โอเค จบ)

Breakdown –

วันนี้ไปไหนมา what’d ya do today?

ไปช๊อปปิ้งมา I went shopping

ไปช๊อปปิ้งที่ไหน  where’d ya go shopping?

ที่เซนทรัล at Central (mall/dept store)

ไปกับใคร Who’d ya go with?

ไปกับเพื่อน I went with a friend.

ซื้ออะไรมา What’d ya buy?

ไม่ได้ซื้ออะไร I didn’t buy anything.

ดูเฉยๆ   I was just looking.

ใช่ แบบว่าไม่ถูกใจ Yea.  It was like I wasn’t liking anything.

How tall….? – Transcript-

September 18, 2009 Leave a comment

เค้าสูงไหม  สูง

สูงแค่ไหน  น่าจะประมาณ 170 -180

เหรอ   อือฮือ

เออ!วันนี้ร้อนไหม  ร้อน

ร้อนแค่ไหน  ร้อนมากกกกกกก(555++)

จูเรียโรเบิร์ตสวยไหม สวย

สวยแค่ไหน  สวยมาก

กาแฟที่ร้านนี้แพงไหม ก็แพงนะ

แพงแค่ไหน  ก็ไม่เท่าไหร่ พอจ่ายได้ แต่ก็นิดหนึ่ง….แต่ก็ถูกกว่าพวกสตาร์บัค

โอ.เค.วันนี้ยุ่งไหม  ยุ่ง

ยุ่งแค่ไหน  Oho..แถบไม่มีเวลาหายใจ

แล้วเมื่อวานไปเล่นบาสมาเหรอ Yes ใช่แล้ว

สนุกไหม   สนุก

แล้วสนุกแค่ไหน  สนุกมากแต่ก็เหนื่อยสุดๆเหมือนกัน